- มังกี้ ดี ลูฟี่ (モンキー・D・ルフィ Monkey D. Luffy)
- ค่าหัว 400,000,000 เบรี
- ถิ่นกำเนิด อีสท์บลู
- กัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- ผลปิศาจ ผล โกมุ โกมุ สายพารามีเซีย ผลยาง มีความสามารถในการใช้ร่างกายที่เป็นยางในการเป่าลมเข้าไปจนเหมือนเป็นลูกโป่งเพื่อช่วยในการรับและโจมตีศัตรูด้วยร่างกายขนาดยักษ์
- ฉายา หมวกฟาง
- อายุปัจจุบัน 19 ปี
- ความฝัน เป็นราชาโจรสลัด
-
- พระเอกของเรื่อง และเป็นกัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด ตอนเด็กได้รู้จักกับแชงคูลจึงอยากเป็นโจรสลัดเมือนแชงคูล ได้กินเหล้าร่วมสาบานกับเอสเพื่อเป็นพี่น้องกัน พลังความมุ่งมั่นสูง เมื่อตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้ และพึ่งพาได้ รักเพื่อนพ้องที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็จะต้องช่วยเพื่อนไว้ให้ได้ ได้กินผลโกมุโกมุ (พารามิเซีย) หรือผลยางยืดเข้าไป ทำให้ร่างกายยืนหยุ่นได้เหมือนยาง ถึงแม้ความสามารถไม่โดดเด่นแต่สามารถนำทักษะมาร่วมกับพลังใจที่มุ่งมั่นและความสามารถ ทำให้ดึงพลังในการต่อสู้ได้สูงมาก) ค่าหัวล่าสุดหลังจากเหตุการณ์ที่เกาะเอนิเอสลอบบี้คือ 300 ล้านเบรีได้รับฉายาว่า "หมวกฟางลูฟี่" หลังจากที่เขาไปก่อเรื่องที่ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือทำให้เขามีค่าหัวสูงถึง 400 ล้าน ได้แผลที่อกเป็นกากบาทจากการโจมตีของอาคาอินุ และส่งสารให้สมาชิดในกลุ่มว่าจะเจอกันอีกใน 2 ปี 2 ปีต่อมาฝีมือของลูฟี่พัฒนาขนาดใช้เกียร์แล้วร่างกายรับไหว สามารถใช้ฮาคิ ได้ 3 ประเภท
ประวัติตัวละคร
นิโค โรบิน [Eng:Nico Robin Japan:ニコ・ロビン] เป็นนักโบราณคดีของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ก่อนที่นิโค โรบินจะมาเป็นพวกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เธอเคยเป็นรองประธานขององกรณ์บาร็อค เวิร์ค โค้ดเนมเธอคือ "มิสออล ซันเดย์" เธอเป็นลูกเรือคนที่เจ็ดของโจรสลัดของกลุ่มหมวกฟาง นิโค โรบิน เป็นสมาชิกคนแรกที่เคยเป็นศัตรูกับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางลูฟี่ มาก่อน นิโค โรบินได้กิน ผลปีศาจที่มีชื่อว่าผล "ฮานะ ฮานะ" เธอจึงสามารถ ผลิชิ้นส่วนของร่างกายออกมาได้ตามที่เธอต้องการ ในช่วง 2 ปีของการฝึกฝน เธอได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนักปฏิวัติ ความฝันของเธอคือตามหา"เรียลโพเนกลีฟ" ที่บอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เธอมีค่าหัว 80,000,000 เบรี
รูปร่างลักษณะ
นิโค โรบิน มีรูปร่างสูงเพรียว เธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจแข็งแกร่ง ก่อน 2 ปี มีผมสีดำยาวถึงไหล่ หลัง2 ปี มีผมสีดำยาวถึงเอว ในฉบับอะนิเมะ เธอมีดวงตาสีฟ้า ในฉบับมังงะเธอมีดวงตาสีน้ำตาล เธอมีจมูกแข็งเหมือนสันหนังสือ เธอมีสีผิวค่อนข้างเข้มเล็กน้อย แต่หลังจากสองปีในอะนิเมะ เธอมีผิวขาว เธอมีความคล้ายแม่ของเธอมาก เธอมีแขนและขา ที่ยาวมาก โดยเฉพาะขาของเธอ ทั้งยาวและเรียวสวยงาม
ค่าหัว
- 79 ล้านเบรี ตั้งแต่อายุ 8 ปีเพราะเป็นคนเดียวบนโลกที่อ่านโพเนกลีฟได้ ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลโลกเพราะเกี่ยวข้องกับ พลูตัน และหนีรอดจากการสังหารของ บัสเตอร์คอล ที่โอฮาร่า
- 80 ล้านเบรี หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เอนิเอส ล็อบบี้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากพวกลูฟี่และรอดพ้นจากการสังหารของ บัสเตอร์คอลเป็นครั้งที่2
ท่าไม้ตาย
- พาวน์ (เหมือนแฮงแต่ในญี่ปุ่นพูดว่าพาวน์)
- เชนเฟลอร์ (ร้อยบุปผาสะพรั่ง) วิง (บิน) หรือสไปเดอร์เน็ตและเดลฟิเนียม
- โดเซ่เฟลอร์ (ดอกไม้บาน 10 ดอก)
- พิเอลน่า เฟลอร์ (ต่อกิ่งสร้างขา)
- ครัวโทร มาโน (ไม้ 4 ต้น) ครัช แฮง สแพงค์ หรือช็อค
- มิวเฟลอร์ (พันบุปผาสะพรั่ง)
- กิกันเทสโก มาโน (มือยักษ์)
โดยท่าไม้ตายทั้งหมด มาจากตัวเลขในภาษาสเปน (เช่น Uno อูโน = 1, Dos โดส = 2, Tres เทรส = 3) และคำว่า ดอกไม้ ในภาษาฝรั่งเศส (Fleur เฟลอร์)
ประวัติตัวละคร
โซโรเป็นนักล่าค่าหัวผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบเป็นอาวุธ โดยมีดาบ 3 เล่มเป็นอาวุธประจำตัว มีความใฝ่ฝันเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ตามที่ให้สัญญาไว้กับ คุอินะ เพื่อนสมัยเด็กที่เสียไป หลังจากนั้นถูกนาวาโทมอร์แกนมือขวานจับตัวไปและเจอกับลูฟี่ ลูฟี่เข้ามาช่วยโซโรไว้ และโซโรยังร่วมเดินทางไปกับลูฟี่ด้วย และโซโรเองมีค่าหัว 60 ล้านเบรี หลังจากที่จัดการดาซูบอเนส หรือมิสเตอร์วัน แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านเบรี หลังจากจัดการคาคุซึ่งเป็นหนึ่งใน
CP9
ดาบประจำตัวที่โซโรพกไว้เสมอตั้งแต่แรกคือ ดาบสีขาว วาโดอิจิ มอนยิ (เป็นดาบที่จะคาบไว้ที่ปากเวลาใช้ท่าสามดาบ) ซึ่งเป็นดาบที่รับช่วงมาจากเพื่อนสมัยเด็กและสาบานว่าจะเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ดาบอื่นที่ใช้ในปัจจุบันอีกสองเล่มคือดาบสีแดง ซังได คิเทซึ เป็นดาบอาถรรพ์ที่ได้มาจากล็อกทาวน์ และ ดาบดำ ชูซุย ซึ่งได้มาจากการสู้กับซามุไรเจเนรัลซอมบี้ ริวมะ (ว่ากันว่าเป็นตัวเอกจากนิยายของ อ.โอดะ แต่เขากลับป่วยจนเสียชีวิต จึงได้เป็นแขกรับเชิญในร่างซอมบี้) ที่ธริลเลอร์บาร์ค จึงทำให้
บรู๊ค (สมาชิกเรือเธาด์ซัน ซันนี่คนล่าสุด) ได้เงาของเขากลับคืนมา
โซโรนั้นเคยพบกับเรือตรีหญิงแห่งกองทัพเรือ
ทาชิงิ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับคุอินะมาก แต่ในตอนนั้นพวกเขาไม่ระแวงเลยว่าอีกฝ่ายคือกองทัพเรือและโจรสลัด จนกระทั่งมารู้เอาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม โซโรไม่กล้าประชันดาบกับเธอ และมักหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเพราะไม่อาจลืมภาพคุอินะไปได้
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของโซโรคือนักดาบอันดับหนึ่งของโลก
จูลาคีล มิฮอว์ค เจ้าของฉายาตาเหยี่ยว โซโรเคยประชันกับมิฮอว์คมาครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่ลูฟี่กับเขาไปที่ร้านอาหารกลางทะเลที่ซันจิอยู่และพ่ายแพ้ หลังจากนั้นเป็นเวลานานที่เกาะชาบอนดี้ โซโรที่สะสมความเหนื่อยล้าไว้มากต้องเข้าสู้กับบาโซโลมิว คุมะและเกือบถูกฆ่าโดยคิซารุ แต่ถูกช่วยชีวิตไว้จากราชันย์นรกเรลี่ จากนั้นจึงถูกหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด บาโซโลมิว คุมะซัดกระเด็นไปที่ซากราชอาณาจักรเก่า ที่นั่นเขาได้พบกับมิฮอว์คอีกครั้ง ในเวลานั้นข่าวที่ลูฟี่สูญเสียเอสไปได้มาถึง โซโรจึงดึงดันจะออกจากเกาะไปพบลูฟี่ แต่เมื่อได้รับรหัสที่ลูฟี่ส่งมา จึงเปลี่ยนใจและกลับไปก้มหัวขอให้มิฮอว์คเป็นคนสอนวิชาดาบแก่ตนเอง มิฮอว์คเข้าใจนิสัยโซโรเป็นอย่างดี จึงรับปากสอนหลังจากแผลของโซโรหายดี
บุคลิกและนิสัย
โซโรเป็นคนจริงจัง ขี้เซา หลับง่าย ชอบดื่มเหล้า หลงทางบ่อย ไม่เชื่อในพระเจ้า และพูดตรงไปตรงมา ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกับซันจิ แต่เขาก็ไม่ชอบซันจิสักเท่าไร จึงมักชอบหาเรื่องกับซันจิจนทั้งคู่ต้องทะเลาะกันเป็นประจำ จนซันจิให้ฉายาส่วนตัวแก่เขาว่า "เจ้าหัวเขียวสาหร่าย" ส่วน
ซันจิก็ได้ฉายาจากโซโรว่า "เจ้าคิ้วยากันยุง"/"เจ้าคิ้วม้วน" เช่นกัน แต่ถึงภายนอกจะไม่แสดงออกเท่าไร โซโรก็เป็นคนที่รักเพื่อนฝูงอย่างมาก เมื่อถึงเวลาต่อสู้จะจริงจังเสมอ แล้วยังชอบกินปลา และตกปลาอีกด้วย โดยปลาที่ตกได้บ้างเป็นปลาธรรมดาไม่ก็จ้าวทะเล โดยโซโรมีส่วนคล้ายซันจิตรงที่ไม่ฟันผู้หญิง แต่จะโจมตีให้สลบไป หรือผู้หญิงที่มีพลังพิเศษสายโรเกียจะโจมตีโดยไม่ใช้ฮาคิแต่จะใช้ฮาคิเพื่อขู่ หลอกล่อหรือป้องกันตัว
ดาบของโซโร
โซโรเป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในการต่อสู้โดยใช้ดาบเป็นอาวุธ เขาสามารถสู้ด้วยดาบ 1 ถึง 3 เล่มพร้อมกันได้ แต่จะสู้ได้ดีที่สุดหากใช้ดาบทั้ง 3 เล่มพร้อมกัน สำหรับดาบของโซโร มีดังนี้
- ดาบสีขาว วาโด อิจิมอนจิ (ญี่ปุ่น: 和道一文字 Wado Ichimonji ) เป็นดาบเล่มสำคัญที่สุดของโซโร ซึ่งเป็นดาบของอดีตคู่แข่งคนสำคัญของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ปกติโซโรจะคาบเล่มนี้ไว้ที่ปากถ้าใช้ครบ 3 เล่ม และพกติดตัวเพื่อระลึกถึงเธอเสมอ
- ดาบสีแดง ซังได คิเทซึ (ญี่ปุ่น: 三代鬼彻 Kitetsu Sandai ) ดาบอาถรรพ์ ใครถือดาบนี้มีอันเป็นไปเป็นดาบที่เลือกผู้ใช้ โซโรทดสอบโดยการโยนขึ้นและปล่อยให้ดาบหมุนลงมาหาแขน ปรากฏว่าไม่เป็นไร ลุงเจ้าของร้านดาบในเมือง ล็อกทาวน์ ของร้านจึงยกให้ จะใช้มือซ้ายถือดาบเล่มนี้
- ดาบสีเทา ยูบาชิริ (ญี่ปุ่น: 雪走 Yubashiri ) เจ้าของร้านดาบ ถูกใจในการทดสอบของโซโรจึงให้ดาบเล่มนี้มาอีก (พังไปจากการต่อสู้)
- ดาบ ชูซุย (ญี่ปุ่น: 秋水 Shusui ) ได้มาจาก ซอมบี้ซามูไรในตำนาน ริวมะ และสู้ชนะถึงได้มา
ค่าหัว
- 60 ล้านเบรี หลังจากกำจัดนักล่าโจรสลัด 100 คนที่เมืองวิสกี้พีคและ MR.1
- 120
ล้านเบรี หลังจากจัดการคาคุและองค์กรCP9
พลังและความสามารถ
- วิชา 3 ดาบ
- ทักษะฮาคิแห่งเกราะ
- ทักษะฮาคิแห่งการคงอยู่
- ทักษะม้วนตัวหลบ
- ทักษะกระโดดสูง
ท่าไม้ตาย
ฝ่ามือประกบดาบ วิชาไร้ดาบพยัคฆ์ วิชาดาบเปล่งพร ดาบปราบพยัคฆ์ ดาบพันโลก คลื่นยักษ์ ดาบวัวคะนองศึก ดาบปูงาซามิ เพลงดาบสิงโต เพลงดาบสายลม 36 ประการ เพลงดาบสายลม 108 ประการ ดาบพิฆาตอีกาดำ เพลงดาบสลาตัน เพลงดาบราโชบอน เพลงดาบปีศาจวัว เพลงดาบหมาป่า เพลงดาบเล็บทะลวงไส้ เพลงดาบสองเล่มสองคม เพลงดาบปีศาจ ไต่หอคอย หอคอยย้อยศร ซามอน (ตราทราย) เพลงดาบ 3 เล่ม พินลูกบอลเสือภูเขา เพลงดาบ 9 เล่มเทพพิทักษ์อาชูร่า เทพพิทักษ์อาชูร่าหมอกสีเงิน เพลงดาบพร72ประการ วิชา2ดาบนิงิริ(ท่าผ่าแบบที่สอง(นิงิริ ในซูชิ หมายถึง ปลาเนื้อขาว) โทโร่(ดาบดาบทะยานฟ้า (หมายถึงตรงท้องปลาที่มีมัน เป็นส่วนที่ดีที่สุดของปลา) โอโทโร่(ดาบทะยานฟ้าดัดแปลง) ฮิราเมคิ(ฟ้าแลบ) วิชาดาบเดียวอิไอ(ราชสีห์คำราม) กอริลาหนึ่ง กอริลาสอง วิชาสามดาบ ดาบนิกริ วิชาสามดาบมังกรสะบัดหาง วิชาสามดาบเสือดาว อาชูรา ดาบคู่อูคิไอ วิชาดาบเดียวมังกรบินเปลวเพลิง ดาบพร 36 ประการ ดาบพร 360 ประการ ดาบหกวิถี ดาบพร 1080 ประการ

- โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ (ニートニー・チョッパー Tony Tony Chopper)
- ค่าหัว 50 เบรี
- ถิ่นกำเนิด แกรนด์ไลน์
- อดีตสัตว์เลี้ยงของคุเรฮะ / หมอประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- ผลปิศาจ ผล ฮิโตะ ฮิโตะ สายโซออน ผลมนุษย์ ทำให้สัตว์เป็นมนุษย์
- ฉายา ผู้ชื่นชอบสายไหม / เรนเดียร์จมูกสีน้ำเงิน
- อายุปัจจุบัน 17 ปี
- ความฝัน เป็นหมอที่รักษาได้ทุกโรค
-
- หมอประจำเรือ ใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ในอดีตนั้นเป็นเกิดมาเป็นกวางเรนเดียร์จมูกน้ำเงิน แต่ได้กินผลฮิโตะฮิโตะ (ผลมนุษย์) เข้าไปทำให้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ (แต่ไม่ค่อยเหมือน) ทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ จึงโดนตั้งข้อรังเกียจจากเผ่าพันธุ์ของตนทั่งที่เดิมก็โดนรังเกียจที่มีจมูกน้ำเงินอยู่แล้ว เมื่อจะมาอยูกับมนุษย์ก็โดนไล่ยิงเพราะคิดว่าเป็นปีศาจ(จมูกสีน้ำเงิน) ต่อมาได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ คือหมอกำมะลอ ฮิลรุค (ผู้ที่ร่วมชะตากรรมโดนสังคมรังเกียจเช่นกัน) ฮิลรุคคอยรักษา ตั้งชื่อ และอยู่ด้วยกันกับช็อปเปอร์ 1 ปี ผู้ซึ่งจงรักภักดีต่ออาณาจักรดรัมยิ่งกว่าสิ่งใด ก่อนตัวตายได้ฝากฝังช็อปเปอร์ ไว้กับเพื่อนสนิท ดอกเตอร์ คุเรฮะ ช็อปเปอร์จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์ ตลอด 6 ปี และคนบนเกาะคิดว่าช็อปเปอร์เป็นสัตว์เลี้ยง จนสามารถคิดค้นเม็ดยาชนิดพิเศษ "รัมเบิ้ลบอล" ที่ทำให้พลังของผลปีศาจที่อยู่ในร่างกายปั่นป่วนจนสามารถทำให้แปลงกายได้ถึง 7 ขั้น แต่ในการต่อสู้ไม่ควรกินเกิน2เม็ด เม็ดหนึ่งมีเวลา 3 นาที ควรกินครั้งละ 6 ชั่วโมง แต่ถ้ากินติดต่อกันจะเกิดความผิดพลาด เพราะเมื่อกินเม็ดที่2จะเริ่มแปลงร่างไม่ได้ดั่งใจ แบบเมื่อเปลี่ยนร่าง จะเปลี่ยนร่างผิดไปมา และเมื่อกินเม็ดที่3จะกลายร่างเป็นอสูรกายร่างยักษ์ขาดสติคลุ้มคลั่ง ค่าหัว 50 เบรี ได้รับฉายาว่า "ผู้ชื่นชอบขนมหวาน ช็อปเปอร์" เพราะว่าทหารเรือเข้าใจผิด คิดว่าช็อปเปอร์เป็นสัตว์เลี้ยง 2 ปี ต่อมาก็สามารถแปลงร่างโดยไม่ต้องกินรัมเบิ้ลบอล แต่เมื่อกินรัมเบิ้ลบอล จะกลายเป็นงมอนสเตอร์พอยต์ แค่ 3 นาที พร้อมกับควบคุมร่างมอนสเตอร์พอยต์ได้ หลังจากหมด 3 นาที ร่างกายจะเป็นอัมพาตไป 3 ชั่วโมง

- ซันจิ (サンジ Sanji)
- ค่าหัว 77,000,000 เบรี
- ถิ่นกำเนิด นอร์ทบลู
- อดีตรองเชฟของภัตตาคารลอยทะเล บาราติเอ / พ่อครัวประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- ผลปิศาจ ไม่มี
- ฉายา ขาดำ ซันจิ
- อายุปัจจุบัน 21 ปี
- ความฝัน ค้นหาอออบลู
-
- เกิดที่นอร์ทบลู เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงไว้ทำงานเป็นครัวบนเรือ แต่ว่าเกิดเหตุเรือโจรสลัดบุก แล้วซันจิตกทะเล กัปตันกลุ่มโจรสลุดช่วยซันจิ ส่วนเรือของทั้ง 2 ก็ล่มเพราะอุบัติเหตุทางทะเล ทั้งขึ้นมาเกาะโดยแบ่งอาหารกัน โดยเซฟ บอบถุงอาหารทั้งหมดให้ซันจิ ส่วนเซฟกินขาขวาของตัวเอง โดยทั้ง 2 ติดอยู่บนเกาะร้าง วันที่ 70 ซันจิไปหาเซฟเพื่อแย่งอาหารและรู้ความจริงจากเซฟ ตลอด 85 วัน ก็มีคนบนเรือมาช่วย แล้วจากนั้นก็ร่วมมือเซฟเปิดภัตตาคารลอยทะเล บาราติเอที่แถบอีสบลู โดยซันจิเป็นรองเชฟ หลังจากนั้นก็พ่อครัวประจำเรือกลุ่มหมวกฟาง ลักษณะเป็นชายผมเหลืองด้านหน้ายาวจนปิดตาข้างซ้ายและคิ้วข้างขวาหมุนเป็นไม้ม้วนไปทางขวา 2 ปี ต่อมาเปลี่ยนไปปิดตาขวาและคิ้วข้างซ้ายหมุนเป็นไม้ม้วนไปทางขวา ใช้ขาทั้งสองในการต่อสู้ ไม่นิยมใช้มือต่อสู้เพราะถือว่า ใช้มือในการปรุงอาหารเท่านั้น เกลียดพวกที่เอาอาหารมาเล่นและพวกที่ดูถูกอาหาร โดยใช้ท่าในการต่อสู้จากเพลงเตะ แทบทั้งสิ้น โดยชื่อท่าจะดัดแปลงมาจากชื่ออาหาร มีความใฝ่ฝันในการตามหาออลบลู นิสัยชอบหลีสาวๆหน้าตาดี โดยเฉพาะนามิ และโรบิน (มีคติจะไม่เตะผู้หญิงแม้ต้องถูกฆ่าตาย) ค่าหัว 77 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ขาดำ ซันจิ" (รูปบนใบค่าหัวนั้นเป็นเพียงรูปสเก็ตเนื่องจากทางทหารเรือไม่สามารถเก็บภาพของซันจิได้เพราะช่างภาพของทหารเรือที่แอบถ่ายรูปไว้นั้นตอนถ่ายลืมเปิดฝาของกล้องถ่ายรูป ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้) หลังจากที่ถูกส่งไปอยู่ที่เกาะโมโมอิโระ แล้วกลายเป็นกะเทย เมื่อจบสงครามอ่านข่าวเรื่องสงครามกลับเป็นผู้ชายอีกครั้ง บอกอิวานคอฟว่าตนคือพรรคพวกของลูฟี่ แต่ไม่เชื่อเพราะหน้าไม่เหมือนใบประกาศจับ ตลอด 2 ปี ก็วิ่งหนีกะเทยและต่อสู้กับกะเทยจนใช้วิชา6รูปแบบได้แล้วคือ "เดินชมจันทร์" แต่ซันจิเรียกว่า สกายวอร์ค และเพลงหมัดกะเทย

- แฟรงกี้ ( フランキー Franky)
- ค่าหัว 44,000,000 เบรี
- ถิ่นกำเนิด เซาท์บลู
- อดีตบอสตระกูลแฟรงกี้ / ช่างซ่อมเรือประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- ผลปิศาจ ไม่มี
- ฉายา ไซบอร์กแฟรงกี้
- อายุปัจจุบัน 36 ปี
- ความฝัน สร้างเรือที่ฝ่าฟันได้ทุกทะเล โดยตนเป็นช่างบนเรือลำนั้น
-
- แฟรงกี้ หรืออีกชื่อจริงคือ คัตตี้ แฟลม เป็นนักแยกชิ้นส่วนเรือ ผู้ชอบดื่มโคล่าเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าพวกแก๊งในเมืองวอเตอร์เซเว่น ในใจลึกๆแล้วแฟรงกี้ทำเพื่อปกป้องเมืองที่ตนรักเท่านั้น แฟรงกี้มีอดีตอันเจ็บปวดที่เกิดกับผู้มีพระคุณของเขา และเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีต เป็นลูกของโจรสลัดแต่ครอบครัวรับไม่ไหวเลยทิ้งไว้ที่สุสานเรือ จากนั้น ได้ทอมรับเลี้ยงเป็นช่างต่อเรือ หลายปีผ่านไปเรือที่ตนสร้างได้ทำให้ทอมถูกใส่ร้ายความผิด แล้วแฟรงกี้ไปช่วย โดนยืนขวางขบวนรถเดินทะเล แต่ก็โดนชนเต็มๆ เพื่อความอยู่รอดเขาจึงต้องดัดแปลงตัวเองไปเป็นไซบอร์กยกเว้นส่วนหลังเพื่อยืดชีวิต (ซึ่งจะได้รับพลังงานมาจากโคล่า ใส่โคล่าไว้ในท้อง 3 ขวด แล้วท้องจะสูบโคล่าเป็นพลังงาน) เปลี่ยนชื่อเป็นแฟรงกี้ เขามีแบบแปลนอาวุธโบราณ "พลูตัน"ที่รัฐบาลโลกต้องการและได้เผาทำลายไปในเหตุการณ์ที่เกาะเอนิเอสล็อบบี้ก่อนที่จะมาเข้ากลุ่มหมวกฟาง ปัจจุบันเป็นช่างซ่อมเรือประจำกลุ่ม ค่าหัว 44ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ไซบอร์ก แฟรงกี้" หลังจากจบสงครามแฟรงกี้คิดไปหาเรือดำน้ำที่ภูเขาในศูนย์วิจัย แต่ไปกดปุ่มระเบิดจนร่างกายไม่เหลือส่วนเดิม 2 ปี ต่อมาดัดแปลงตัวเองจนกลายเป็นหุ่นยนต์ ที่ยิงเลเซอร์ ตอปิโดได้ ยกเว้นส่วนหลังที่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%8B#.E0.B9.80.E0.B8.88.E0.B9.87.E0.B8.94.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.9E.E0.B9.82.E0.B8.88.E0.B8.A3.E0.B8.AA.E0.B8.A5.E0.B8.B1.E0.B8.94